ทุกคนไม่ว่าจะมีรสนิยมทางเพศแบบใด จะต้องรู้สึกปลอดภัยในสังคม(มุสลิม)และสถาบัน(อิสลาม)ของเรา: มุมมองสังคมมุสลิมสิงคโปร์ต่อประเด็น LGBTQ+ ในชุมชนของตน
“หลักชารีอะห์ (กฎหมายอิสลาม) ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเคารพ และความสัมพันธ์อันสันติ คุณค่าเหล่านี้มีความสำคัญยิ่งในขณะที่เราเผชิญกับปัญหาทางสังคมและศาสนาที่ซับซ้อน ในฐานะมุสลิม เราควรปฏิบัติต่อทุกคนอย่างมีศักดิ์ศรีและความเคารพอย่างเต็มที่ ทุกคนไม่ว่าจะมีรสนิยมทางเพศแบบใด จะต้องรู้สึกปลอดภัยในสังคมและสถาบันของเรา”
ข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งจากเอกสาร Religious Advice to the Singapore Muslim Community on LGBTQ+ Developments in Singapore โดยสภาศาสนาอิสลามแห่งสิงคโปร์ (MUIS) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวทางการจัดการประเด็น LGBTQ+ ในชุมชนมุสลิมที่เน้นความเคารพและความเป็นมิตรระหว่างบุคคล ไม่ว่าจะมีรสนิยมทางเพศอย่างไร บทบาทของ MUIS ในสิงคโปร์เป็นตัวอย่างของการสร้างบรรยากาศที่ทุกคนสามารถรู้สึกปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับในการปฏิบัติศาสนกิจตามหลักชารีอะห์ โดยไม่รู้สึกถูกกีดกันหรือถูกแบ่งแยก
มุมมองของชุมชนมุสลิมสิงคโปร์ต่อ LGBTQ+: การยอมรับในความหลากหลายและการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ
ในหลายประเทศทั่วโลก LGBTQ+ ยังคงเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและก่อให้เกิดมุมมองที่หลากหลาย สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนาสูง ได้แสดงถึงวิธีการยอมรับและสนับสนุนการอยู่ร่วมกันระหว่างความเชื่อและแนวคิดที่ต่างกัน ชุมชนมุสลิมในสิงคโปร์นำโดย MUIS ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่บุคคลทุกคนจะได้รับการเคารพในศักดิ์ศรีของตน ไม่ว่าจะมีรสนิยมทางเพศใด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลสิงคโปร์ในการสนับสนุนความเข้าใจที่หลากหลายและการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชนต่าง ๆ
ถอดบทเรียนแนวทางการปฏิบัติต่อบุคคล LGBTQ+ ในชุมชนมุสลิมสิงคโปร์
เราสรุปและถอดบทเรียน แนวทางสำคัญหลายประการเพื่อสร้างสังคมที่สงบสุขและเปิดรับความหลากหลายทางเพศและเชื้อชาติ จากเอกสาร Religious Advice to the Singapore Muslim Community on LGBTQ+ Developments in Singapore ซึ่งสรุปได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้:
- การเคารพศักดิ์ศรีและความปลอดภัย: บุคคลทุกคนในสังคม ไม่ว่าจะมีรสนิยมทางเพศใด ควรได้รับการเคารพและรู้สึกปลอดภัยในชุมชน ซึ่งช่วยลดความรู้สึกแปลกแยก และส่งเสริมความสงบสุขที่ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง
- การให้คำปรึกษาอย่างเปิดกว้าง: ผู้นำศาสนาควรให้คำปรึกษาแก่บุคคล LGBTQ+ อย่างไม่ตัดสินหรือตีตรา พร้อมให้การสนับสนุนทางศาสนาที่สอดคล้องกับหลักชารีอะห์ เพื่อให้บุคคล LGBTQ+ สามารถรักษาศรัทธาและความสัมพันธ์กับชุมชนมุสลิมได้
- การสนับสนุนสังคมที่สงบสุข: ใช้การสื่อสารที่สุภาพและให้เกียรติ ลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มความเชื่อต่าง ๆ โดยเน้นการอยู่ร่วมกันในสังคมที่หลากหลายเพื่อสร้างความมั่นคง
- การเรียนรู้และส่งเสริมการเข้าใจในเยาวชน: ให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจคุณค่าของการเคารพศักดิ์ศรีและความหลากหลาย พร้อมปลูกฝังทัศนคติที่เป็นมิตร เพื่อให้พวกเขาพร้อมในการอยู่ร่วมกับทุกคนในสังคมที่แตกต่าง
- การรักษาคุณค่าของครอบครัวตามหลักศาสนา: MUIS ย้ำถึงความสำคัญของครอบครัวตามหลักชารีอะห์ โดยส่งเสริมการสร้างครอบครัวที่เข้มแข็งและสอดคล้องกับหลักอิสลาม โดยเน้นให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว
บ้านพหุวัฒนธรรมอารยา: การสนับสนุน LGBTQ+
บ้านพหุวัฒนธรรม อารยา วิสาหกิจเพื่อสังคม ในประเทศไทย ได้รับคำแนะนำจากองค์กรศาสนาในไทยในการสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยและเปิดกว้างสำหรับทุกคน รวมถึงบุคคล LGBTQ+ ที่ต้องการรักษาศรัทธาตามหลักอิสลาม องค์กรนี้มุ่งมั่นในการสร้างพื้นที่ที่ทุกคนสามารถรู้สึกเป็นที่ยอมรับและเชื่อมโยงกับศาสนาได้โดยไม่รู้สึกถูกตัดสิน หรือถูกแบ่งแยก โดยยึดหลักชารีอะห์ที่เน้นความเคารพศักดิ์ศรีและความสัมพันธ์อันสงบสุขภายในชุมชน
การทำงานของบ้านพหุวัฒนธรรมอารยาภายใต้การให้คำปรึกษาจากองค์กรศาสนาในไทย ยังช่วยเสริมสร้างความเข้าใจที่แท้จริงในชุมชนมุสลิม และขับเคลื่อนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมที่มีความหลากหลาย ไม่เพียงแค่การทำงานร่วมกับผู้รู้ทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความรู้สึกเป็นที่ยอมรับให้กับบุคคล LGBTQ+ ที่ต้องการพื้นที่ในการปฏิบัติศาสนกิจและรักษาศรัทธาของตน
บทสรุป: การสร้างสังคมที่สงบสุขด้วยความเข้าใจและการให้เกียรติ
แนวทางของสภาศาสนาอิสลามแห่งสิงคโปร์ (MUIS) แสดงถึงวิธีการที่ชุมชนมุสลิมสามารถสร้างบรรยากาศที่สงบสุขและเคารพในความหลากหลายทางสังคมได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ละทิ้งหลักศาสนาอิสลาม ความเคารพในศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ของทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะมีรสนิยมทางเพศอย่างไร ช่วยสร้างสังคมที่ทุกคนสามารถรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและปลอดภัย
สำหรับประเทศไทย แนวทางนี้สามารถนำมาเป็นต้นแบบในการสร้างสังคมที่เคารพในความแตกต่าง เปิดรับทุกคนในสังคมให้มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างสงบ การเปิดพื้นที่ที่ทุกคนได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ ไม่เพียงเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคม แต่ยังช่วยให้สังคมมีความสงบสุขและเจริญก้าวหน้าในระยะยาว เพราะในท้ายที่สุด การที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจและสันติ จะเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
0 Comments