บทความวิชาการ: ภาวะกลัวสุเหร่าและการแพนิกจากการทำกิจกรรมในสุเหร่า: การศึกษาเชิงจิตวิทยาและสังคมวิทยา
สุเหร่าเป็นศูนย์กลางสำคัญของชุมชนมุสลิมในด้านพิธีกรรมทางศาสนาและกิจกรรมสังคม แต่ในบางสังคมกลับถูกมองด้วยความระแวงและอคติ ความเข้าใจที่ผิดนี้ส่งผลให้เกิดความกลัวและความไม่สบายใจเมื่อต้องเข้าร่วมกิจกรรมในสุเหร่า บ่อยครั้งปัญหาอาจจะไม่ได้เกิดจากตัวผู้เข้าร่วม แต่เป็นปัญหาการบริหารจัดการของตัวสุเหร่าเอง หรือปัจจัยด้านสังคมอื่นๆ บทความนี้ศึกษาปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะเกลียดกลัวสุเหร่า ผลกระทบต่อชุมชน และแนวทางการแก้ไข โดยอ้างอิงจากงานวิจัยและตัวอย่างกิจกรรมที่ช่วยลดความกลัวและเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสุเหร่า
การกลัวสุเหร่ามีจริง และเป็นปัจจัยหลักให้คนห่างศาสนา
ความกลัวหรือความไม่สบายใจในการเข้าร่วมกิจกรรมในสุเหร่าเป็นปรากฏการณ์จริงที่ทำให้บางคนห่างเหินหรือออกจากศาสนาอิสลาม งานวิจัยของ Pew Research Center (2014) พบว่า 55% ของมุสลิมในสหรัฐฯ กังวลเกี่ยวกับการถูกเลือกปฏิบัติหรือถูกมองในแง่ลบเมื่อเข้าร่วมกิจกรรมในสุเหร่า ความกังวลนี้ทำให้บางคนลดการมีส่วนร่วมทางศาสนา การศึกษาของ Institute for Social Policy and Understanding (ISPU, 2017) ระบุว่า 33% ของมุสลิมอเมริกันรู้สึกไม่สบายใจเมื่อต้องเข้าร่วมกิจกรรมในสุเหร่า เนื่องจากกลัวการถูกตัดสินและไม่ยอมรับ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้หลายคนห่างเหินจากชุมชนศาสนา
ไม่ผิดอะไรที่คนจะกลัวสุเหร่า: ปรับมุมมองใหม่เพื่อแก้ไขปัญหา
การกลัวสุเหร่าไม่ใช่สิ่งที่ผิด หากพิจารณาว่าความรู้สึกนี้เกิดจากความไม่คุ้นเคย กลัวการถูกตัดสิน หรือประสบการณ์เชิงลบในอดีต การรับรู้ถึงความรู้สึกนี้เป็นก้าวแรกในการแก้ไขปัญหา การเข้าใจเหตุผลที่ผู้คนรู้สึกกลัวหรือไม่สบายใจเมื่อต้องเข้าร่วมกิจกรรมในสุเหร่าจะช่วยปรับวิธีการต้อนรับและจัดกิจกรรมให้เข้าถึงง่ายขึ้น การปรับมุมมองนี้ทำให้สุเหร่ากลายเป็นสถานที่ที่เปิดกว้างและดึงดูดใจคนทุกกลุ่ม
ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะเกลียดกลัวสุเหร่า
การเกลียดกลัวสุเหร่าเกิดจากหลายปัจจัยที่ซับซ้อน ทั้งจากสื่อ ประสบการณ์ส่วนตัว และความเข้าใจผิดในบทบาทของสุเหร่าในชุมชน โดยจำแนกได้ดังนี้:
- ภาพลักษณ์เชิงลบจากสื่อ
งานวิจัยของ Allen (2017) ใน Social Compass และ Saeed (2007) พบว่าสื่อมีบทบาทในการสร้างทัศนคติของสังคมต่ออิสลาม โดยเฉพาะการเชื่อมโยงสุเหร่ากับความรุนแรงและการก่อการร้าย ทำให้ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับอิสลามเกิดความกลัวและอคติ Richardson (2004) ระบุว่าการเชื่อมโยงอิสลามกับการก่อการร้ายในสื่อทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในชุมชนมุสลิมและสุเหร่าโดยรวม - การขาดความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของสุเหร่า
การขาดความรู้เกี่ยวกับบทบาทของสุเหร่าในชุมชนทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกแยก งานวิจัยของ Runnymede Trust (1997) กล่าวถึงแนวคิด “open view” และ “closed view” ของ Islamophobia ซึ่งชี้ว่าผู้ที่มีทัศนคติเชิงเปิดรับจะมองสุเหร่าเป็นสถานที่เชิงวัฒนธรรม ในขณะที่ผู้ที่มีมุมมองแบบปิดจะมองสุเหร่าเป็นสถานที่ที่ไม่เข้าถึงได้ การขาดความเข้าใจนี้จึงนำไปสู่การปฏิเสธสุเหร่า - ประสบการณ์เชิงลบจากการปฏิสัมพันธ์ในสุเหร่า
การปฏิสัมพันธ์ในสุเหร่าที่ไม่เป็นมิตรหรือประสบการณ์เชิงลบสามารถนำไปสู่ภาวะเกลียดกลัวสุเหร่าได้ งานวิจัยของ Allen (2017) ชี้ว่าการปฏิบัติต่อผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับสุเหร่าในลักษณะที่กดดันอาจทำให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในสุเหร่า กาปฏิสัมพันธ์เชิงลบมีหลายอย่าง เช่น การตำหนิ การตัดสิน การกล่าวหา การดูถูก การใช้อำนาจเพื่อกลั่นแกล้งกีดกัน ตลอดจน ความยุ่งยากในการเข้าหา การคอรัปชั่น และความรู้สึกถูกแบ่ง ชนชั้นทางสังคม เลือกปฏิบัติ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สุเหร่า
ผลกระทบของภาวะเกลียดกลัวสุเหร่า
- ผลกระทบต่อชุมชนมุสลิม: ภาวะเกลียดกลัวสุเหร่าทำให้ชุมชนมุสลิมรู้สึกแปลกแยกจากสังคมใหญ่ ขาดความมั่นใจในการแสดงออกถึงความเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งอาจส่งผลต่อการบูรณาการทางวัฒนธรรม
- ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างศาสนา: งานวิจัยของ Poynting & Mason (2007) ชี้ว่า Islamophobia ทำให้เกิดการแบ่งแยกระหว่างชุมชนต่างศาสนา ลดทอนความไว้วางใจ และเพิ่มความขัดแย้งในสังคม
แนวทางการลดภาวะเกลียดกลัวสุเหร่าและการแพนิก
เพื่อสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างและเป็นมิตร แนวทางที่สามารถช่วยลดภาวะเกลียดกลัวสุเหร่าและการแพนิก ได้แก่:
- การสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเปิดกว้าง
สุเหร่าควรมีการต้อนรับที่เป็นมิตรและชัดเจนในเรื่องพิธีกรรมและมารยาท ซึ่งช่วยให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นมุสลิมรู้สึกมั่นใจและปลอดภัย การให้ข้อมูลที่เข้าใจง่ายช่วยลดอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกคน - จัดกิจกรรมที่เป็นกลางทางวัฒนธรรมและส่งเสริมการรับรู้
การจัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมและการเสวนาที่เปิดใจ ช่วยลดอคติและเพิ่มความคุ้นเคย ตัวอย่างเช่น โครงการ Awareness Through Mosque Tour (ATMT) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมัสยิดฮารูนและ Discover Islam Bahrain ให้ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมได้ทัวร์สุเหร่า เรียนรู้หลักการอิสลามและวิถีชีวิตของชุมชนมุสลิม ลดความตึงเครียดและส่งเสริมการยอมรับที่ดี - การส่งเสริมความเข้าใจผ่านศิลปะอิสลาม
การจัดนิทรรศการศิลปะอิสลามและฝึกอบรมศิลปะแขนงต่างๆ ช่วยสร้างความเข้าใจในเชิงสร้างสรรค์ เช่น Institute of Islamic Art Thailand ส่งเสริมการเรียนรู้ศิลปะอิสลาม ทำให้ผู้เข้าร่วมได้รู้จักมรดกศิลปะอิสลามในเชิงลึก - การสร้างสถานที่เรียนรู้ศาสนาอิสลามนอกสุเหร่า
ศูนย์การเรียนรู้นอกสุเหร่าช่วยลดความกดดันให้ผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับศาสนาได้เรียนรู้ในบรรยากาศที่ไม่เป็นทางการ เช่น มูลนิธิสันติชน และ บ้านพหุวัฒนธรรมอารยา ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ผู้สนใจสามารถเรียนรู้และรู้สึกสบายใจก่อนเข้าร่วมกิจกรรมในสุเหร่า - ส่งเสริมการพัฒนานักวิชาการศาสนาอิสลามที่มีทักษะการสื่อสารและความเป็นมิตรกับพหุวัฒนธรรม
การพัฒนานักวิชาการศาสนาอิสลามให้มีทักษะการสื่อสารที่สามารถเข้าถึงและสร้างความเข้าใจกับผู้คนจากหลากหลายวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญ นักวิชาการควรมีความสามารถในการสื่อสารอย่างเปิดใจและให้เกียรติผู้ที่มาจากพื้นหลังทางศาสนาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โดยไม่ตัดสินหรือมีอคติ การฝึกฝนทักษะเหล่านี้ช่วยลดความตึงเครียดและเสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึก ตัวอย่างเช่น การสัมมนา “บทบาทของสื่อมุสลิมกับความรับผิดชอบทางสังคม” ที่จัดโดยสำนักจุฬาราชมนตรี มุ่งเน้นให้สื่อมุสลิมได้ตระหนักถึงบทบาททางสังคมและจริยธรรม และยังมีการแนะแนวทางการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองต่อการบิดเบือนข้อมูลหรืออคติที่มีต่อชุมชนมุสลิม การส่งเสริมทักษะการสื่อสารของนักวิชาการจึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเข้าใจและสันติภาพในแบบที่เปิดกว้างและยอมรับความหลากหลาย
บ้านพหุวัฒนธรรมอารยา: สถานที่สำหรับการเรียนรู้เบื้องต้นและส่งเสริมการเชื่อมโยงกับสุเหร่า
บ้านพหุวัฒนธรรมอารยาเป็นพื้นที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนให้บุคคลที่ไม่ใช่มุสลิมหรือผู้ที่ห่างเหินจากศาสนาอิสลามได้เรียนรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอิสลามในบรรยากาศที่ไม่กดดัน เป็นวิธีการช่วยลดภาวะเกลียดกลัวสุเหร่าและส่งเสริมความเข้าใจศาสนาอิสลามอย่างเป็นกันเอง ผู้ที่ยังไม่มั่นใจในการเข้าร่วมกิจกรรมในสุเหร่าสามารถเริ่มต้นที่บ้านพหุวัฒนธรรมเพื่อรับข้อมูลเบื้องต้นและรู้สึกสบายใจมากขึ้น และเมื่อพวกเขาพร้อม บ้านพหุวัฒนธรรมอารยาจะช่วยประสานงานเพื่อเชื่อมโยงพวกเขากลับสู่สุเหร่าเพื่อเรียนรู้เชิงลึกต่อไป การสนับสนุนนี้ยังรวมถึงการรับบริจาคจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้บ้านพหุวัฒนธรรมสามารถให้บริการแก่บุคคลที่สนใจได้มากขึ้น ส่งเสริมให้การเรียนรู้ศาสนาอิสลามในชุมชนไทยเป็นไปอย่างยั่งยืนและเปิดกว้าง
สรุป
ภาวะเกลียดกลัวสุเหร่าและการแพนิกเมื่อต้องเข้าร่วมกิจกรรมในสุเหร่าเป็นปัญหาที่มีผลกระทบทางจิตวิทยาและสังคม แนวทางการลดอคตินี้รวมถึงการจัดกิจกรรมที่เป็นกลาง การส่งเสริมความเข้าใจผ่านศิลปะ การสร้างสถานที่เรียนรู้นอกสุเหร่า และการทัวร์สุเหร่าที่เป็นมิตร แนวทางเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมอิสลามและสนับสนุนสังคมที่ยอมรับและเคารพความหลากหลาย
อ้างอิง
- Allen, C. (2017). “Islamophobia and Social Compass.” Social Compass.
- Pew Research Center. (2014). Muslim Americans: No Signs of Growth in Alienation or Support for Extremism. Pew Research Center, Religion & Public Life.
- Institute for Social Policy and Understanding (ISPU). (2017). American Muslim Poll 2017: Muslims at the Crossroads.
- Poynting, S., & Mason, V. (2007). “The Resistible Rise of Islamophobia: Anti-Muslim Racism in the UK and Australia Before 11 September 2001.” Journal of Sociology, 43(1).
- Richardson, R. (2004). Islamophobia – Issues, Challenges and Action. Trentham Books.
- Runnymede Trust. (1997). Islamophobia: A Challenge for Us All. Runnymede Trust.
- Saeed, A. (2007). “Media, Racism and Islamophobia: The Representation of Islam and Muslims in the Media.” Sociology Compass.
ตัวอย่างจากองค์กรต่าง ๆ
- สำนักจุฬาราชมนตรี ประเทศไทย
- มัสยิดฮารูนบางรัก
- โครงการผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน
- บ้านพหุวัฒนธรรมอารยา วิสาหกิจเพื่อสังคม ประเทศไทย
- Institute of Islamic Art Thailand
0 Comments