หย่าภรรยามุสลิม: สามีต้องจ่ายอะไรบ้างตามหลักการศาสนาอิสลาม
การหย่าร้างในศาสนาอิสลามเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักศาสนา แต่ต้องปฏิบัติด้วยความยุติธรรมและเมตตาต่อฝ่ายภรรยาและบุตร หากมี การปฏิบัติตามหลักการชาริอะห์ (Islamic Shariah) นั้น สามีมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ชัดเจนในหลายประการหลังการหย่า ดังนี้:
1. ค่าใช้จ่ายในช่วงอิดดะห์ (Iddah)
อิดดะห์ คือช่วงเวลาที่ภรรยาต้องรอหลังการหย่าร้างเพื่อดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ และเพื่อเป็นการพักฟื้นจากความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ ระยะเวลานี้มักจะประมาณ 3 รอบเดือน (สำหรับภรรยาที่ไม่ได้ตั้งครรภ์) หรือจนกว่าจะคลอด (หากตั้งครรภ์)
- สามีต้องจัดหา:
- ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของภรรยา เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่พักอาศัย
- สามีต้องจัดที่พักในระดับที่เหมาะสม เช่น บ้านสมรสเดิม หรือบ้านเช่าที่สามีจัดหา
- ข้อยกเว้น:
- หากภรรยาเป็นฝ่ายขอหย่าเอง (เช่น Khula’) และมีการคืนสินสอดหรือทรัพย์สินเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน อาจมีการตกลงให้สามีไม่ต้องจ่ายค่าอิดดะห์
ตัวอย่างการคำนวณ:
- มาเลเซีย: ศาลอิสลามอาจกำหนดให้สามีจ่ายค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น 1,500 ริงกิต (ประมาณ 11,000 บาท) สำหรับอาหาร ที่พัก และเสื้อผ้า ขึ้นอยู่กับรายได้ของสามีและความจำเป็นของภรรยา
- สิงคโปร์: ค่าใช้จ่ายในช่วงอิดดะห์อาจกำหนดตามรายได้ เช่น 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 50,000 บาท) ต่อเดือน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
- ซาอุดีอาระเบีย: การคำนวณขึ้นอยู่กับระดับความสามารถของสามี เช่น ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ 1,000 ริยาล (ประมาณ 9,000 บาท)
- ไทย: ในพื้นที่ที่ใช้กฎหมายอิสลาม เช่น จังหวัดปัตตานี ศาลอาจกำหนดค่าใช้จ่ายที่ประมาณ 8,000-15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับฐานะการเงินของสามี
อ้างอิงจากอัลกุรอาน (ซูเราะห์ อัฏ-ตะลาก 65:6):
“จงให้นางอยู่ในที่พักของพวกเจ้า ตามที่พวกเจ้าสามารถจัดหาได้”
2. ค่ามุตะอาห์ (Mut’ah)
มุตะอาห์ คือค่าทำขวัญหรือค่าชดเชยที่สามีต้องจ่ายให้ภรรยาหลังการหย่า เพื่อแสดงความเมตตาและปลอบใจ
- การจ่ายค่ามุตะอาห์ขึ้นอยู่กับ:
- ระยะเวลาการแต่งงาน
- ความสามารถทางการเงินของสามี
- เหตุผลในการหย่า (เช่น หากสามีเป็นฝ่ายผิด เช่น ไม่เลี้ยงดู หรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ศาลอาจกำหนดค่ามุตะอาห์สูงขึ้น)
- ค่ามุตะอาห์ไม่ใช่ข้อบังคับในทุกกรณี แต่เป็นสิ่งที่แนะนำ (มุสตะฮับ) เพื่อให้เกิดความเมตตาและยุติธรรม
เปรียบเทียบการคำนวณ:
- มาเลเซีย: ศาลอาจกำหนดค่ามุตะอาห์เป็นเงินก้อน เช่น 5,000-10,000 ริงกิต (ประมาณ 40,000-80,000 บาท)
- สิงคโปร์: กำหนดค่ามุตะอาห์ตามระยะเวลาการแต่งงาน เช่น 1 เดือนของเงินเดือนสามีต่อปีของการสมรส
- ซาอุดีอาระเบีย: มักกำหนดค่ามุตะอาห์ตามความสมัครใจของสามีหรือการเจรจา
- ไทย: ศาลอาจกำหนดค่าทำขวัญในช่วง 20,000-50,000 บาท ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และรายได้ของสามี
อ้างอิงจากอัลกุรอาน (ซูเราะห์ อัล-บากอเราะห์ 2:241):
“สำหรับหญิงที่ถูกหย่า จงมอบสิ่งจำเป็นแก่พวกนางตามความเหมาะสม”
3. ค่าเลี้ยงดูบุตร (Child Support)
หากการหย่าร้างมีบุตร สามียังคงมีหน้าที่รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุตรจนกว่าบุตรจะสามารถพึ่งพาตนเองได้ หรือในกรณีของบุตรหญิงจนกระทั่งแต่งงาน
- ค่าใช้จ่ายที่สามีต้องจ่าย:
- ค่าอาหาร การศึกษา เสื้อผ้า และค่ารักษาพยาบาล
- ระยะเวลาที่ต้องจ่าย:
- บุตรชาย: จนถึงอายุที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ (ขึ้นอยู่กับบริบทประเทศ เช่น 18-21 ปี)
- บุตรหญิง: จนกระทั่งแต่งงาน
ตัวอย่างการคำนวณ:
- มาเลเซีย: ค่าเลี้ยงดูบุตรประมาณ 800-1,200 ริงกิตต่อเดือนต่อบุตรหนึ่งคน (6,000-9,000 บาท)
- สิงคโปร์: ค่าใช้จ่ายต่อเดือนอาจเริ่มต้นที่ 500-1,500 ดอลลาร์สิงคโปร์ (12,500-37,500 บาท)
- ซาอุดีอาระเบีย: ศาลอาจกำหนดค่าเลี้ยงดูประมาณ 1,500-3,000 ริยาลต่อเดือน (13,500-27,000 บาท)
- ไทย: ในพื้นที่อิสลาม ค่าเลี้ยงดูบุตรอาจอยู่ที่ 5,000-10,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับรายได้ของสามี
อ้างอิงจากอัลกุรอาน (ซูเราะห์ อัล-บากอเราะห์ 2:233):
“และหน้าที่ของบิดาคือการจัดหาอาหารและเครื่องนุ่งห่มให้แก่พวกนาง (มารดา) ด้วยความเหมาะสม”
ประเทศ | อายุที่บิดาต้องรับผิดชอบค่าเลี้ยงดูบุตรชาย | อายุที่บิดาต้องรับผิดชอบค่าเลี้ยงดูบุตรหญิง |
---|---|---|
มาเลเซีย | จนถึงอายุ 18 ปี หรือจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี | จนถึงอายุ 18 ปี หรือจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือจนกระทั่งแต่งงาน |
สิงคโปร์ | จนถึงอายุ 21 ปี หรือจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี | จนถึงอายุ 21 ปี หรือจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือจนกระทั่งแต่งงาน |
ซาอุดีอาระเบีย | จนถึงอายุ 15 ปี หรือจนกว่าจะสามารถพึ่งพาตนเองได้ | จนกระทั่งแต่งงาน |
ไทย | จนถึงอายุ 20 ปีบริบูรณ์ | จนถึงอายุ 20 ปีบริบูรณ์ หรือจนกระทั่งแต่งงาน |
หมายเหตุ: อายุที่ระบุอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามกฎหมายและนโยบายของแต่ละประเทศ ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการเพื่อความถูกต้อง
สรุป
การหย่าร้างตามหลักการศาสนาอิสลามกำหนดให้สามีมีหน้าที่รับผิดชอบดังนี้:
- ค่าใช้จ่ายช่วงอิดดะห์: เพื่อให้ภรรยามีความปลอดภัยและไม่ขาดแคลน
- ค่ามุตะอาห์ (ทำขวัญ): เพื่อแสดงความเมตตา (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์)
- ค่าเลี้ยงดูบุตร: เป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องปฏิบัติต่อบุตรจนกว่าจะพึ่งพาตนเองได้
การปฏิบัติตามหน้าที่เหล่านี้ไม่เพียงแต่รักษาความยุติธรรมตามหลักศาสนา แต่ยังสร้างความสงบสุขและลดความขัดแย้งในสังคมมุสลิม.
คำแนะนำสำหรับการเลือกสถานที่พักในช่วงอิดดะห์ (Iddah)
ในช่วงอิดดะห์หลังการหย่า ภรรยามุสลิมมีหน้าที่และสิทธิบางประการเกี่ยวกับสถานที่พัก โดยควรพิจารณาให้เหมาะสมกับหลักศาสนาอิสลามและสถานการณ์ส่วนตัว ดังนี้:
ตัวเลือกและข้อควรพิจารณา
สถานที่ | ข้อดี | ข้อควรพิจารณา |
---|---|---|
บ้านสมรสเดิม | สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม (อัลกุรอาน ซูเราะห์ อัฏ-ตะลาก 65:6) สิทธิของภรรยาที่จะอยู่บ้านเดิมในช่วงอิดดะห์ | ไม่ปลอดภัยหรือมีความขัดแย้งรุนแรงอาจทำให้อยู่ไม่ได้ ฝ่ายสามีต้องสามารถจัดหาที่พักให้อย่างเหมาะสม |
บ้านของครอบครัว/เครือญาติ | ให้การสนับสนุนทางจิตใจและช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย เหมาะสำหรับกรณีบ้านสมรสเดิมไม่ปลอดภัย | ควรได้รับความยินยอมจากสามีหรือศาลเพื่อไม่ขัดกับหน้าที่อิดดะห์ |
บ้านเช่าหรือที่พักใหม่ | สามีสามารถจัดหาให้ตามฐานะการเงิน เหมาะสำหรับกรณีบ้านสมรสเดิมไม่เหมาะสม | ควรปลอดภัยและสะดวกสำหรับภรรยา ต้องไม่ละเมิดสิทธิของภรรยาในช่วงอิดดะห์ |
บ้านที่ภรรยาจัดหาเอง | มีอิสระในการเลือกสถานที่ที่ปลอดภัยและสะดวก เหมาะสำหรับการสร้างความสงบและความเป็นส่วนตัว | อาจขัดกับหลักการอิดดะห์ หากไม่มีเหตุผลที่ศาสนายอมรับ ควรปรึกษาศาลหรือผู้รู้ศาสนาในกรณีนี้ |
- ตัวเลือกที่แนะนำที่สุด: อยู่บ้านสมรสเดิม หากไม่มีความขัดแย้งหรือความไม่ปลอดภัย
- กรณีพิเศษ: หากบ้านสมรสเดิมไม่เหมาะสม ให้พิจารณาบ้านของเครือญาติหรือบ้านที่สามีจัดหาให้
เป้าหมายสำคัญ
การเลือกสถานที่พักควรสอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม พร้อมรักษาความปลอดภัยและความสงบสุขสำหรับภรรยาในช่วงอิดดะห์
ข้อควรปฏิบัติ:
- ปรึกษาบริษัทาอารยานิกะห์ ฯ วิสาหกิจเพื่อสังคมเพิ่มเติม เพื่อคำแนะนำเฉพาะกรณี
- ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามหลักศาสนาและรักษาสิทธิของภรรยาในช่วงอิดดะห์อย่างยุติธรรม
0 Comments