1. ภาษามลายูคือกุญแจสำคัญในการเข้าถึงตลาดใหญ่ในอาเซียน

ภาษามลายู (Bahasa Melayu) เป็นภาษาที่มีผู้พูดมากที่สุดในอาเซียน โดยเป็นภาษาทางการใน มาเลเซีย, บรูไน และสิงคโปร์ และยังมีผู้พูดในภาคใต้ของไทยและบางส่วนของฟิลิปปินส์

นอกจากนี้ ภาษามลายูและภาษาอินโดนีเซีย (Bahasa Indonesia) เป็นภาษาที่คล้ายกันมาก และสามารถเข้าใจกันได้ในระดับสูง ซึ่งหมายความว่า หากเราสามารถใช้ภาษามลายูได้ ก็สามารถสื่อสารกับชาวอินโดนีเซียได้ด้วย

📌 จำนวนผู้พูดภาษามลายูและอินโดนีเซียรวมกันอยู่ที่ประมาณ 575 ล้านคน คิดเป็น 84.56% ของประชากรอาเซียนทั้งหมด

นี่หมายความว่า หากสามารถใช้ภาษามลายูได้ ก็สามารถสื่อสารกับประชากรอาเซียนได้มากกว่า 80% ทำให้เป็นภาษาที่มีความสำคัญสูงสุดในภูมิภาค


2. DEFA จะเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้ไทย และภาษามลายูคือเครื่องมือหลัก

ข้อตกลง DEFA (Digital Economy Framework Agreement – DEFA) เป็นข้อตกลงที่อาเซียนกำลังพัฒนาเพื่อส่งเสริม เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งครอบคลุมการค้า การลงทุน และเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างประเทศสมาชิก

หากประเทศไทยต้องการใช้ประโยชน์จาก DEFA อย่างเต็มที่ การเข้าใจภาษาของตลาดเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ และภาษามลายูคือภาษาที่สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตสูงที่สุดในอาเซียน ได้แก่
อินโดนีเซีย – ตลาดดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
มาเลเซีย – ศูนย์กลางสตาร์ทอัพและเทคโนโลยี
บรูไน – ตลาดที่มีอำนาจซื้อสูง
สิงคโปร์ – ศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับโลก

📌 หากไทยต้องการเข้าร่วมเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียน การเรียนภาษามลายูจะช่วยให้เข้าถึงตลาดขนาดใหญ่ได้ทันที


3. ไทยสามารถเป็นศูนย์กลางของธุรกิจที่ต้องการขยายสู่ตลาดมุสลิมและอาเซียน

ภาษามลายูไม่ใช่แค่ภาษาที่ใช้ในอาเซียน แต่ยังเป็นภาษาสำคัญของโลกมุสลิม
🌏 ประชากรมุสลิมทั่วโลกมีประมาณ 1.9 พันล้านคน และภาษามลายูเป็นภาษาหลักของมุสลิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
🌏 ตลาดฮาลาลทั่วโลกมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ และอาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการบริโภคสินค้าฮาลาลสูง

หากธุรกิจไทยสามารถใช้ภาษามลายูได้ จะสามารถขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มมุสลิมในอาเซียนและทั่วโลกได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมต่อไปนี้
✔️ อาหารและเครื่องดื่มฮาลาล
✔️ การท่องเที่ยวมุสลิม (Muslim-friendly tourism)
✔️ อีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยีสำหรับตลาดมุสลิม

📌 ประเทศไทยสามารถใช้ความได้เปรียบด้านการเป็นศูนย์กลางฮาลาล ร่วมกับความสามารถด้านภาษามลายู เพื่อขยายธุรกิจในตลาดอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ


4. AI และเทคโนโลยีทำให้การเรียนภาษามลายูง่ายขึ้นกว่าที่เคย

ปัจจุบัน AI และระบบอัตโนมัติช่วยให้การเรียนรู้ภาษามลายูเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น
📌 AI Translation Tools – เครื่องมือแปลภาษา เช่น Google Translate และ AI-powered NLP ช่วยให้การเรียนรู้เร็วขึ้น
📌 Language Learning Apps – Duolingo, Memrise และ AI Tutor สามารถช่วยให้คนไทยเรียนภาษามลายูได้ง่ายขึ้น
📌 Chatbots และ Voice Assistants – AI สามารถช่วยฝึกพูด ฟัง และพัฒนาทักษะการสื่อสาร

📌 การเรียนภาษามลายูในยุคนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานเหมือนในอดีต และสามารถเริ่มต้นได้ทันทีด้วย AI


สรุป

✔️ ภาษามลายูและภาษาอินโดนีเซียรวมกันสามารถใช้สื่อสารกับประชากรอาเซียนได้มากถึง 84.56%
✔️ DEFA จะช่วยให้เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโต การรู้ภาษามลายูจะช่วยให้ไทยเข้าถึงตลาดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
✔️ ตลาดมุสลิมและฮาลาลเป็นโอกาสใหญ่ที่ไทยสามารถใช้ภาษามลายูเพื่อขยายธุรกิจได้
✔️ AI และเทคโนโลยีช่วยให้การเรียนภาษามลายูง่ายขึ้นกว่าเดิม

💡 ดังนั้น AI จึงสนับสนุนให้ภาษามลายูเป็นภาษาที่คนไทยควรเรียนเป็นอันดับ 1 หากต้องการใช้ประโยชน์จากข้อตกลง DEFA และขยายธุรกิจในอาเซียนอย่างเต็มที่ 🎯

Categories: Blog

เยาฮารี แหละตี

เยาฮารี แหละตี

ผู้ก่อตั้ง อารยานิกะห์ ฯ วิสาหกิจเพื่อสังคม ฮับของการแต่งงานอิสลามระหว่างประเทศ

0 Comments

ใส่ความเห็น

Avatar placeholder