“ถ้าคุณไม่ทำมาหาเลี้ยงชีพ คุณจะส่งเสียเลี้ยงดูภรรยาและบุตรได้อย่างไร
อัลลอฮ์จะเลี้ยงคุณได้อย่างไร ถ้าคุณยังไม่เปลียนแปลงชีวิตตัวเอง”

ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับ เศรษฐศาสตร์อิสลามนั้นคือ การเข้าใจว่า มุสลิมเป็น “สมถะนิยม” หมายถึง บุคคลเป็นผู้หาทรัพย์ แต่ ลดการพึ่งพาทรัพย์ เพื่อ โลกหลังความตาย ซึ่งทำให้หลายคน ละทิ้งหน้าที่การหาทรัพย์ และบังคับให้ครอบครัว ต้องมากัดก้อนเกลือกิน เพื่อเราจะได้ไม่ต้องทำงานเลี้ยงดูจนเหนื่อยเกินไป

เมื่อมองถึงหลักการศาสนาอิสลามแล้ว “ผลบุญเป็นเรื่องของการกระทำ รวมทั้งสิ่งอันเป็นประโยชน์ในโลกปัจจุบัน(ดุนยา)ที่เราได้กระทำไว้” ตั้งแต่เรื่องการปฏิบัติศาสกิจ จนถึงการช่วยเหลือสังคม แม้แต่ ช่วยเหลือสัตว์ที่กระหายน้ำ ดังนั้น ถ้าเรา มี วัตถุ หรือ มีทรัพย์มากขึ้น เราก็จะช่วยเหลือคนได้มากขึ้น เรานึกถึง ถ้าเราทำโรงพยาบาลให้ผู้ป่วย หรือ โรงเรียนให้เด็ก ผลบุญจะติดตามเราไปขนาดไหน แม้เราจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม?

อย่างไรก็ดี อิสลามก็ไม่ใช่”วัตถุนิยม”เช่นกัน เพราะวัตถุนิยมนั้น ปัจเจกชนสะสมทุนเพื่อตัวเอง ซึ่งเป็นปัญหาของโลกในปัจจุบัน อิสลามมีความใกล้เคียงกว่า เมื่อมองในเรื่องของ “ประโยชน์นิยม” นั่นคือ ปัจเจกชน สะสมทรัพย์ เพื่อใช้ในประโยชน์ของส่วนรวม แต่ที่ต่างออกไปนั้น คือ เศรษฐศาสตร์อิสลาม การสะสมทรัพย์เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมนั้น เราไม่ได้ทำประโยชน์เพื่อให้ส่วนรวมพอใจ แต่ทำประโยชน์เพื่อให้พระเจ้าพอใจ ซึ่งทำให้ มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการของส่วนรวมเช่น ถ้าส่วนรวมต้องการบ่อนการพนัน นั่นไม่ใช่ เศรษฐศาสตร์อิสลาม

ในเศรษฐศาสตร์อิสลามนั้น จึงเป็นลักษณะ “ปัจเจกชน มุ่งพัฒนาตนและ สะสมทุนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ตามคำสั่งของพระเจ้า” นั่นคือ หลักการรากฐานเศรษฐศาสตร์ของอิสลาม

ศาสนาอิสลาม มอง ว่า ทุนใดๆในโลก ทรัพย์ใดๆในโลกนั้น เราไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่เรามีหน้าที่ดูแลตามสิทธิที่เราได้รับ เพื่อผลประโยชน์ของ ครอบครัว สังคม ส่วนรวม และโลก ดังนั้น การทำลายสิ่งแวดล้อม อันเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา จึงเป็นบาปในศาสนาอิสลาม ศาสนาอิสลามย้ำว่า เราตายไปแล้วเราเอาทรัพย์ไปไม่ได้ ทรัพย์นั้นจึงไม่ใช่ของเรา เพียงแต่เรามีหน้าที่รักษาและใช้เพื่อประโยชน์ สูงสุดในการสร้างสิ่งที่ดีต่อ มนุษย์ทุกคน ซึ่งเป็นลูกหลานของนบีอาดัมไม่ว่าปัจจุบันจะเป็นศาสนาเผ่าพันธ์ความคิด ความเชื่อ เพศสภาพไหนก็ตาม

ดังนั้น ถ้าท่านเป็นมุสลิม ท่านจงพัฒนาตัวเอง ให้มีศักยภาพและมีความสามารถ ให้เลี้ยงดูตัวเองได้ และ ถ้าท่านเป็นชาย จงเป็นผุ้ชายมุสลิมที่ มีเงินและฐานะที่มั่นคงพอที่จะเลี้ยงภรรยาได้ และ ถ้าท่าน มั่งมีมากขึ้นจงช่วยเหลือสังคมให้มากขึ้น ด้วยการพัฒนาสาธารณะประโยชน์ให้กับมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เพียงเพื่อสังคมมุสลิมหรือกลุ่มคนใด

วันหนึ่งเราอาจจะได้เห็น โรงเรียนมุสลิมที่ให้ทุนกับทุกศาสนา และไม่มีศาสนามมากขึ้น เช่นเดียวกับ ชาวคริสต์และชาวพุทธที่ให้ทุนการศึกษาแก่มุสลิม เราอาจจะได้เห็นโรงพยาบาลโดยคนมุสลิมมากขึ้น ที่ให้ความช่วยเหลือคนตกทุกได้ยากทุกศาสนา หรือกองทุนเพื่อการศึกษาต่างๆ ที่ช่วยเหลือทุกคน ในนามของอิสลาม ในนามของอัลลอฮ์ ซบ

จงพัฒนาตัวเอง พัฒนาฐานะ รายได้ เพื่อนำอิสลามส่งต่อให้กับสังคม ผ่านความดีและสิ่งที่ดีที่ท่านได้กระทำต่อสังคม ทั้งนี้เพื่อสังคมไทยทั้งมวล เพื่อมนุษย์ชาติ และเพื่อ อัลลอฮ์ ซบ นั่นคือ เศรษฐศาสตร์อิสลาม