HEADQUARTERS +66 089-110-941-9

ทำไมวัยรุ่นมุสลิมจึงเลือกตัดขาดจากครอบครัว: ปัจจัยและแนวทางจากหลักการครอบครัวอิสลาม

Published by ArayaWeddingPlanner on

การที่ลูกๆ เลือกตัดขาดจากครอบครัวกำลังกลายเป็นเรื่องที่พบบ่อยขึ้น แม้แต่ในครอบครัวมุสลิม ซึ่งมีศาสนาและวัฒนธรรมเป็นแนวทางในการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคง การตัดขาดในครอบครัวไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายและมักเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เกิดจากปัญหาที่ซับซ้อน บทความนี้จะวิเคราะห์ถึงปัญหาหลักๆ ที่ทำให้ลูกๆ เลือกที่จะถอยห่าง รวมถึงแนวทางจากหลักการอิสลามเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวที่แข็งแรงและยั่งยืน

ปัจจัยหลักที่นำไปสู่การตัดขาดระหว่างลูกกับครอบครัว

  1. ความขัดแย้งและการทรยศในความสัมพันธ์ครอบครัว
    ความทรยศเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการแตกแยกในครอบครัว โดยเฉพาะในกรณีที่ครอบครัวมีเหตุการณ์รุนแรง เช่น การหย่าร้าง การมีครอบครัวใหม่ หรือการทอดทิ้งลูกจากการแต่งงานครั้งแรก งานวิจัยในปี 2021 ชี้ให้เห็นว่าครอบครัวที่มีพ่อแม่อยู่ด้วยกันมีโอกาสที่ลูกจะกลับมาคืนดีได้มากกว่าครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้างหรือมีครอบครัวใหม่ นอกจากนี้ ลูกๆ มักจะตัดขาดจากพ่อมากกว่าจากแม่เมื่อเกิดการขัดแย้งที่ยาวนานหรือเมื่อรู้สึกถูกทอดทิ้ง ความทรยศที่เกิดจากการไม่รักษาความสัมพันธ์ครอบครัวอย่างมีศีลธรรมอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์ไม่สามารถฟื้นคืนได้
  2. การเลี้ยงดูที่ขาดความรักและการละเลย (Toxic Parenting)
    การเลี้ยงดูที่ขาดการสนับสนุนและความเข้าใจทำให้ลูกๆ รู้สึกเจ็บปวดและโดดเดี่ยว งานวิจัยของ Dr. Susan Forward ในหนังสือ Toxic Parents อธิบายถึงผลกระทบของการเลี้ยงดูที่ขาดความรักและความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งสามารถทิ้งรอยแผลที่ลึกและยาวนานในใจของลูก ความเจ็บปวดเหล่านี้ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะตัดขาดเพื่อหาความสงบใจและปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดที่ต่อเนื่อง
  3. ความแตกต่างในด้านความเชื่อและวิถีชีวิต
    ความขัดแย้งด้านความเชื่อ ศาสนา และวัฒนธรรมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูกแย่ลง เช่น การที่ลูกเลือกวิถีชีวิตที่ต่างจากครอบครัว หรือการมีความคิดที่ต่างในเรื่องศาสนาและการใช้ชีวิต การศึกษาของ Dr. Kristina Coop Gordon ชี้ให้เห็นว่าครอบครัวที่มีความยึดมั่นในค่านิยมที่เข้มงวดมักมีแนวโน้มที่จะเกิดความขัดแย้งสูง และนำไปสู่การตัดขาดเนื่องจากการไม่ยอมรับในความคิดและทัศนคติของกันและกัน โดยเฉพาะในครอบครัวมุสลิมที่การปฏิบัติตามหลักศาสนาอาจมีความคาดหวังสูง การสื่อสารที่ขาดการเคารพอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดสะสมในระยะยาว
  4. การขาดความมั่นคงทางอารมณ์และการสื่อสารที่ไม่สร้างสรรค์
    การสื่อสารที่ไม่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยการตำหนิทำให้ลูกๆ รู้สึกถึงความไม่เข้าใจและถูกกดดัน งานวิจัยของ Gottman Institute ระบุว่า การสื่อสารที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและการเปิดโอกาสให้ลูกๆ ได้แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระมีผลช่วยลดความขัดแย้งในครอบครัว การที่พ่อแม่ไม่ยอมรับความคิดเห็นของลูก หรือใช้วิธีการตำหนิเป็นหลัก อาจสร้างความรู้สึกที่เจ็บปวดจนลูกๆ ต้องเลือกที่จะถอยห่างเพื่อรักษาสุขภาพจิตของตน
  5. ความคาดหวังในบทบาทและการควบคุมเกินไป
    ในบางครอบครัว การที่พ่อแม่มีความคาดหวังสูงและยึดติดกับบทบาทแบบดั้งเดิมทำให้ลูกๆ รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ เช่น การเลือกอาชีพที่ตรงตามใจพ่อแม่หรือการแต่งงานตามความต้องการของครอบครัว เมื่อความคาดหวังเหล่านี้กลายเป็นแรงกดดันและความไม่พอใจ ลูกๆ อาจรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นที่รักในแบบที่เป็น จึงตัดสินใจถอยห่างเพื่อค้นหาความสงบใจและเสรีภาพในการใช้ชีวิต

แนวทางปรับปรุงความสัมพันธ์ตามหลักการครอบครัวอิสลาม

การตัดขาดอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในทุกกรณี หลักการของครอบครัวอิสลามให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยั่งยืนโดยมีเมตตา ความเคารพ และความเห็นอกเห็นใจเป็นหลัก ดังนี้:

  1. สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเข้าอกเข้าใจ
    ตามหลักการอิสลาม ครอบครัวควรเป็นที่พักพิงที่มั่นคงและปลอดภัยในการแสดงความรู้สึกและความคิดเห็น โดยหลีกเลี่ยงการตำหนิหรือการใช้คำพูดที่ทำให้เจ็บปวด การฟังและการสื่อสารที่เปิดใจจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน
  2. เคารพการเลือกและทางเดินชีวิตของลูก
    อิสลามสอนให้เคารพความคิดเห็นและการตัดสินใจของกันและกัน แม้ว่าอาจจะไม่ตรงกับที่พ่อแม่คาดหวัง ครอบครัวที่ให้โอกาสลูกๆ ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจและเคารพในความเป็นตัวตนของพวกเขาจะมีโอกาสที่ความสัมพันธ์จะมั่นคงมากขึ้น พ่อแม่ควรให้คำแนะนำด้วยความอ่อนโยน ไม่ใช่ด้วยการบังคับหรือควบคุม
  3. การสนับสนุนทางอารมณ์และความเมตตา
    ครอบครัวควรเป็นแหล่งของการสนับสนุนทางอารมณ์ที่ช่วยให้ลูกๆ รู้สึกปลอดภัยและมีความเชื่อมั่น การแสดงออกถึงความเมตตาและความห่วงใยโดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนจะทำให้ลูกๆ รู้สึกถึงความรักและการยอมรับที่แท้จริงตามหลักการอิสลาม การแสดงความรักในทุกๆ ด้านที่ทำได้จะช่วยให้ลูกๆ สามารถเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ และสามารถใช้ครอบครัวเป็นที่พึ่งพิงที่สำคัญในยามที่มีความท้าทายเกิดขึ้น
  4. การสื่อสารด้วยความอ่อนโยนและการรับฟังอย่างแท้จริง
    หลักการของอิสลามส่งเสริมให้พ่อแม่และลูกมีการสื่อสารด้วยความอ่อนโยน โดยไม่ใช้อารมณ์หรือคำตำหนิ การฟังอย่างตั้งใจและการเปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความคิดเห็นของตนเองอย่างอิสระจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและลดความขัดแย้งลงได้ งานวิจัยของ Gottman Institute ยืนยันว่าการสื่อสารที่เต็มไปด้วยความเคารพและการให้เกียรติกันช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความเข้าใจในครอบครัว
  5. สร้างความสมดุลระหว่างการยึดมั่นในหลักศาสนาและความยืดหยุ่นในการเข้าใจลูกๆ
    การปฏิบัติตามหลักการศาสนาในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาวมุสลิม แต่การให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการเข้าใจความแตกต่างของลูกๆ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งในครอบครัว หากพ่อแม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและยอมรับความแตกต่างได้ ก็จะทำให้ลูกๆ รู้สึกปลอดภัยในการแสดงตัวตนและความคิดเห็นของตน โดยที่ยังรักษาความเชื่อมโยงกับศาสนาได้อย่างมั่นคง

บทสรุป

การที่ลูกมุสลิมตัดขาดจากครอบครัวเป็นผลจากปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งและความเข้าใจที่ไม่เพียงพอ การนำหลักการอิสลามในการสร้างครอบครัวที่เปิดใจ เคารพซึ่งกันและกัน และสื่อสารด้วยความเมตตา จะช่วยลดความขัดแย้งและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและยั่งยืน พ่อแม่ควรเปิดใจยอมรับความเป็นตัวของตัวเองของลูก เคารพในการตัดสินใจ และสร้างความรักที่เป็นแหล่งพึ่งพาทางอารมณ์ให้แก่ลูกๆ ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่มั่นคงและมีความเข้าใจกันเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดการตัดขาดในอนาคต

อ้างอิง

  1. Forward, S. (1989). Toxic Parents: Overcoming Their Hurtful Legacy and Reclaiming Your Life. Bantam.
  2. Pillemer, K. (2020). Fault Lines: Fractured Families and How to Mend Them. Avery.
  3. Gordon, K. C., et al. (2019). Differences in Family Functioning and the Impact of Beliefs on Estrangement. Journal of Marriage and Family Therapy.
  4. Gottman, J., & Silver, N. (1999). The Seven Principles for Making Marriage Work. Harmony Books.
  5. Ainsworth, M. D. S., & Bowlby, J. (1991). An Ethological Approach to Personality Development. American Psychologist.

ArayaWeddingPlanner

ArayaWeddingPlanner

www.arayaweddingplanner.com

0 Comments

ใส่ความเห็น

Avatar placeholder